特定非営利活動法人 SB.Heart Station
048-878-8521
受付 9:00~17:00(平日)
1Newsnews

News

News
2024.08.15

เกี่ยวกับโครงการระดมทุนบนคลาวด์ของเรา(クラウドファンディングについて:タイ語版)

สวัสดีค่ะ

พวกเรามูลนิธิ SB.HeartStation
เราได้รับการรับรองเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรจากประเทศญี่ปุ่น
เราเป็นองค์กรที่จัดตั้งมาเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราได้เริ่มโครงการรวบรวมรองเท้าที่เด็กญี่ปุ่นไม่ได้สวมใส่และบริจาคให้กับเด็กๆในประเทศอื่นๆ
โดยเริ่มโครงการนี้ครั้งแรกในปีพ.ศ.2554 ด้วยการส่งมอบรองเท้าให้กับเด็กๆที่ประเทศฟิลิปปินส์
หลังจากนั้นเราก็ยังส่งรองเท้าให้กับเด็กๆ ในประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ มองโกเลีย
และประเทศอื่นๆมาเรื่อยๆ

สำหรับในปีนี้เราวางแผนที่จะบริจาคของขวัญให้กับเด็กๆในจังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน เชียงราย และ เชียงใหม่ รวมถึงเด็กๆ ที่สถานคุ้มครองเด็กในจังหวัดชลบุรี และ มีอีกจังหวัดอื่นค่ะ

→วิธีช่วยอย่างไร เข้าคลิกที่นี้(支援方法)
→ ภาษาญี่ปุ่น (日本語ページ)
Donation to Thailand Movie(2022)

ภาพนี้เป็นรองเท้านักเรียนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

 

แม่ฮ่องสอน…จังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์
อุตสาหกรรมหลักของจังหวัดนี้คือเกษตรกรรมและกล่าวกันว่าเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศอย่างโดดเด่น
และได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
แต่ปัญหาความยากจนยังคงมีอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีอุตสาหกรรมอื่นนอกจากการเกษตร

สำหรับที่ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขายังคงเผชิญกับความยากลำบาก
เด็กๆในบางพื้นที่จะสามารถซื้อรองเท้าได้ต่อเมื่อเข้าเรียนมัธยมต้น
บางครั้งเด็กๆเหล่านั้นไม่สามารถที่จะซื้อรองเท้าใหม่ได้จนกว่าจะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลาย พวกเขาสวมแค่รองเท้าคู่เดียวเป็นเวลาหลายปีแล้ว จนตอนนี้ดูเหมือนผ้าขาดรุ่งริ่ง
รองเท้าเหล่านั้นมีร่องรอยการซ่อมแซมเต็มไปหมด และ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่มีแค่รองเท้าแตะเท่านั้น

 

ครั้งนี้ เด็กๆและผู้ปกครองที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวนมากได้ร่วมบริจาครองเท้าเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศไทย แต่เงินทุนของเรากำลังจะหมดเนื่องจากค่าขนส่งระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นมูลนิธิของเราจึงเปิดรับการบริจาคในประเทศไทยด้วย

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะที่ญี่ปุ่นหรือไทย จะมีรองเท้าที่ยังสามารถใส่ได้ถูกทิ้งในทุกๆวัน
หากคุณทิ้งมัน มันจะกลายเป็นขยะ
แต่ถ้าคุณบริจาค คุณจะสามารถช่วยเหลือเด็กๆ
เด็กๆ เลือกรองเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่าเพราะต้องการสวมใส่ให้นานที่สุด
เด็กๆ ที่ได้รับรองเท้าแล้วจะยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ“

เราได้รับเสียงเรียกร้องเพื่อขอรองเท้าจากที่ต่างๆ เช่น ”มูลนิธิจะมาครั้งต่อไปเมื่อไหร่นะ?” หรือ ”ช่วยแบ่งมาที่หมู่บ้านของเราด้วย”
แต่เนื่องด้วยทางมูลนิธิกำลังประสบปัญหาทางด้านเงินทุนในการดำเนินการ
ดังนั้นเราจึงขอรับบริจาคเงินทุนในการดำเนินการต่างๆจากทุกท่าน

ในทุกๆวันรองเท้าจากทั่วประเทศญี่ปุ่นจะเข้ามาถึงโกดังของเราและพื้นที่ของโกดังที่จัดเก็บก็ใกล้เต็มแล้ว
จึงเป็นปัญหาว่ามีรองเท้าที่พร้อมจะบริจาคมากมายแต่ไม่สามารถที่จะจัดส่งมายังประเทศไทยเพื่อที่จะมอบให้เด็กๆตามที่เราตั้งใจได้

เราจึงใช้การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อหาเงินมาเพื่อดำเนินการต่างๆเพื่อที่จะบริจาครองเท้าให้กับเด็ก ๆ ในประเทศไทย เพื่อให้เด็ก ๆ
ได้สวมรองเท้าของตัวเองไปโรงเรียนและสามารถที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บ

ทางเราขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการสนับสนุนจากทุกๆท่านด้วยค่ะ

 

▼ความหมายการมอบริจาครองเท้าให้เด็กยากจน

พวกเราเชื่อว่าการบริจาครองเท้านี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อลดภาระของครอบครัวที่ไม่มีความสามารถซื้อเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนไปโรงเรียนพร้อมๆกันได้
และยังเป็นปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งของให้กับเด็กๆทางฝั่งญี่ปุ่น

โดยรองเท้าเหล่านี้จะช่วยลดภาระทางร่างกายและป้องกันอาการบาดเจ็บให้กับเด็กๆที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนโดยเส้นทางบนภูเขาสูงชันและทุระกันดารโดยสวมรองเท้าเดิมที่ชำรุด

สำหรับเด็กชาวญี่ปุ่น
การบริจาคครั้งนี้มันจะกลายเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ว่ารองเท้าที่พวกเขาไม่สามารถสวมใส่ได้อีกต่อไปนั้นจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

เด็กญี่ปุ่นมอบรองเท้าที่ยังใช้ได้ให้กับเด็กในท้องถิ่นต่างๆ
ส่วนเด็กในท้องถิ่นต่างๆก็จะได้รับรองเท้าที่สามารถใช้งานได้ดีและปลอดภัยมากกว่าคู่เดิมของตัวเองจากเด็กญี่ปุ่น

แค่เพียงรองเท้าเพียงคู่หนึ่งสามารถสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆสองประเทศได้

 

 

▼บริจาครองเท้าแล้วจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นจริงหรือ?


・เด็กๆ สามารถสวมรองเท้าของตัวเองไปโรงเรียนได้

สำหรับเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขานั้นมีความลำบากเป็นพิเศษในการเดินทางเพื่อไปเรียนเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ทำให้เดินทางลำบากกว่าเด็กในเมือง
และด้วยรายได้ของครอบครัวของเด็กๆนั้นน้อยมากเนื่องจากการหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกพืชในไร่เล็กๆ ของเอง หรือ ได้รับเงินตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากการรับจ้าง

แม้ว่าตั้งแต่ปี2562ค่าเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมปลายจะเริ่มได้รับการยกเว้นแล้ว แต่
ว่าแต่ละครอบครัวยังคงต้องซื้ออุปกรณ์การสอน ค่าอาหารกลางวันที่โรงเรียน และ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ซึ่งถึงแม้จะลดภาระเรื่องค่าเล่าเรียนได้แล้วแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ยังคงเป็นภาระให้กับแต่ละครอบครัวที่มีรายได้น้อย ทำให้ยังคงมีหลายครอบครัวที่ประสบปัญหาจนถึงการซื้อรองเท้าให้เด็กๆไปโรงเรียน

 

・จะมีเด็กที่มีโอกาสเรียนต่อในระดับอุดมศึกษามากขึ้น

ด้วยสถานะทางการเงินของครอบครัวของเด็กๆที่ค่อนข้างยากจน
ทำให้การหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆในการเรียนเป็นเรื่องยาก
รวมไปถึงการเดินทางไปโรงเรียนด้วยระยะทางที่ไกลและทุรกันดารเเต็มไปด้วยความลำบาก
ด้วยเหตุนี้เด็กๆจำนวนมากจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรือลาออกจากโรงเรียน
แต่ก็ยังมีเด็กๆอีกหลายคนที่แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งถึงสองชั่วโมงบนถนนที่สูงชันและทุรกันดารเพื่อไปโรงเรียน ด้วยรองเท้าแตะหรือรองเท้าสภาพเก่ามากๆก็ยังพยายามจนได้เรียนต่อในระดับสูงๆ

แต่ด้วยการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยจากทุกท่านมารวมกัน พวกเราก็จะสามารถให้ความหวังและสร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ให้กับอนาคตของเด็กที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ในการไปเรียนได้สามารถมีโอการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้

 

 

・สามารถป้องกันการบาดเจ็บที่จะเกิดกับเด็กๆได้

ถนนบนภูเขามีถนนหลายเส้นที่ไม่ได้ลาดยาง
และเด็กๆที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นหลายๆคนก็ใช้ชีวิตด้วยการเดินและวิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่าหรือสวมรองเท้าสภาพไม่ดี ทำให้เด็กๆอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
ถึงแม้ในปัจจุบัน
หลายๆพื้นที่จะมีสถานีอนามัยอยู่แต่หลายๆแห่งก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอดเวลาเพราะปัญหาการขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาส่วนใหญ่จะได้รับเพียงการรักษาง่ายๆ หรือสามารถได้รับแค่ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น
นอกจากนี้หลายๆครอบครัวไม่มีเงินไปโรงพยาบาลในเมืองห่างไกลในกรณีที่อาการหนักเกินกว่าความสามารถในการรักษาของสถานีอนามัย

 

・เด็กชาวญี่ปุ่นสามารถมีส่วนร่วมในความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเริ่มต้นจากสิ่งที่คุ้นเคย

เมื่อเราพูดถึง ‘ความร่วมมือระหว่างประเทศ” แล้วโดยทั่วไปเราหมายถึงสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ เช่น การทำอะไรสักอย่างที่ต้องเดินทางไปยังต่างประเทศ การเป็นอาสาสมัครในพื้นที่ท้องถิ่นของต่างประเทศ หรือการช่วยเหลือทางด้านใดด้านหนึ่งกันของประชาชนหรือกลุ่มคนของ2ประเทศ ถึงแม้ว่าเด็กๆ จะมีความสนใจ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีส่วนร่วม

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมของ SB.HeartStation
สามารถช่วยเหลือเด็กที่ต้องการที่จะความช่วยเหลือด้วยรองเท้าที่พวกเขาเคยใส่ไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม

เมื่อปีที่แล้ว เด็กๆ จาก 23 โรงเรียนในญี่ปุ่นได้รวบรวมรองเท้าที่โรงเรียน ในกิจกรรม
”หนูเองก็สามารถมีส่วนร่วมในความร่วมมือระหว่างประเทศได้นะ”

รองเท้าคู่ที่เคยสนับสนุนการเติบโตและแบ่งปันความทรงจำมากมายกับเด็กญี่ปุ่นแต่ต้องถูกทิ้งให้เป็นขยะเพราะใส่ไม่ได้แล้ว กลับกลายมาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างอนาคตให้กับเด็กในพื้นที่อื่นๆ

 

▼รายละเอียดโครงการ

รวบรวมรองเท้า เสื้อผ้าอื่นๆ เครื่องเขียน ฯลฯ ที่เด็กญี่ปุ่นไม่ใส่แล้ว

 

[กรกฎาคม/กันยายน] คัดแยกและบรรจุสิ่งของบริจาคที่อาสาสมัครรวบรวมไว้

 

 

[ตุลาคม] ขนย้ายสิ่งของบริจาคเข้าไทยโดยตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต

 

 

[พฤศจิกายนถึงธันวาคม]

・บริจาคครั้งนี้ให้กับโรงเรียนและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วประเทศไทยโดยความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในท้องถิ่นคือ มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์เชียงราย, บริษัท BESS CORPORATION จำกัด, สมาคมญี่ปุ่นพัทยา และอื่นๆ

・SB.HeartStation ทัวร์ส่งมอบในพื้นที่โดยอาสาสมัครท้องถิ่นในประเทศไทย

 

 

ปลายทางการบริจาคที่วางแผนไว้

[ภาคเหนือ] จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนขุนยวมวิทยา และโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง
จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอสมุน โรงเรียนวัดพระธาตุดอยผาโสม เป็นต้น
จังหวัดน่าน
จังหวัดเชียงราย
จังหวัดลำพูน อำเภอลีและอื่นๆ
แม่สอด จ.ตาก

[ภาคกลาง] จังหวัดสระบุรี

[ภาคตะวันออก] ศรีราชา พัทยา จังหวัดชลบุรี

*ได้รับอนุญาตจากโรงเรียนคุณยวมวิทยาและโรงเรียนวัดพระธาตุดอยผาโสมให้บริจาคและเผยแพร่ชื่อได้
*ปลายทางการบริจาคอาจมีการเปลี่ยนแปลง

 


▼วิธีใช้เงินทุน

・ค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ (ประมาณ 1 ล้านเยน)
ค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต, อากรศุลกากร/ค่าธรรมเนียมศุลกากร

・ค่าใช้จ่ายในการขนส่งรองเท้า (ประมาณ 1 ล้านเยน)
ค่าเช่าโกดัง, ค่าอาหารและเครื่องดื่มอาสาท้องถิ่น, ค่าขนส่งภายในประเทศ, ค่ารถเช่า, ค่าประสานงาน, ค่าขนส่งสำนักเลขาธิการ

・ค่าธรรมเนียมการระดมทุน (12% ของจำนวนเงินสนับสนุน)

▼ประวัติความเป็นมาของ SB.HeartStation

พวกเราที่ SB.HeartStation เป็น NPO
ที่ได้รับการรับรองให้รวบรวมรองเท้าที่เด็กญี่ปุ่นไม่ได้ใส่อีกต่อไปและบริจาคให้กับเด็ก ๆ ในประเทศอื่น ๆ โดยมีคติประจำใจว่า “ทิ้งเหมือนขยะ ให้เหมือนรอยยิ้ม”

เราก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.2555 ปีนี้ถือเป็นปีที่ 13

 

กิจกรรมของเราเริ่มต้นจากการเดินทางไปฟิลิปปินส์ของ โยชิโกะ โอกาวะ ผู้ก่อตั้ง
ระหว่างการเดินทาง โอกาวะ ได้เห็นเด็กๆ วิ่งเล่นด้วยเท้าเปล่าอยู่บริเวณที่ทิ้งขยะ
และไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมสวมใส่

แม้จะกลับบ้านแล้ว เธอก็สลัดภาพเด็กๆเหล่านั้นออกจากใจไม่ได้
และวันหนึ่งเธอก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง
เธอได้รับรู้เกี่ยวกับโครงการที่ดำเนินการโดยอดีตนักวิ่งมาราธอนโอลิมปิกเพื่อส่งรองเท้าที่ใช้แล้วไปยังประเทศกำลังพัฒนา

โอกาวะรู้สึกว่าโครงการนี้มีประโยชน์และสามารถแก้ปัญหาที่เธอเจอได้
เธอจึงเริ่มส่งรองเท้าเป็นการส่วนตัวในปี 2552
แต่ต้องประสบปัญหาในการรวบรวมรองเท้าว่าถ้าทำเองส่วนตัวจะมีขีดจำกัดของข้อจำกัดต่างๆ แต่เธอก็ค่อยๆ ขยายกิจกรรมของออกไป และได้ร่วมกับบุคคลต่างๆที่มีอุดมการเดียวกันก่อตั้ง
SB.Heart Station องค์กรไม่แสวงผลกำไรขึ้นในปีพ.ศ. 2555

ปัจจุบันได้นับเงินบริจาคและสิ่งของสนับสนุนจากทั่วประเทศเข้ามาทุกวัน
จนถึงปัจจุบัน พวกเราได้บริจาคสิ่งของให้กับเด็กๆ จำนวน 394,501 ชิ้น
โดยส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมาร์ และเวียดนาม

 

 

▼เป้าหมายของ SB.HeartStation คือ

・การจัดส่งรองเท้าถึงมือผู้ที่ขาดแคลน

ในทุกๆปี
อาสาสมัครจะจัดคารวานส่งรองเท้าให้ถึงมือผู้รับเพื่อให้ผู้บริจาคทุกคนมั่นใจว่ารองเท้าที่คุณส่งไปถึงคนที่ต้องการอย่างแน่นอน และเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเด็กๆ
พวกเราจึงไปถึงสถานที่เหล่านั้นเพื่อที่แจกรองเท้าให้พวกเขา
พวกเราอยากให้เด็กแต่ละคนเลือกรองเท้าที่พอดีและที่ตัวเองชอบ

 

・ความร่วมมือระหว่างประเทศที่ทุกคนสามารถทำได้

เราเริ่มต้นจากประโยคว่า “ทุกคนสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ง่ายๆด้วยการมอบรองเท้าที่ไม่ใช้แล้ว”
นอกจากนี้เรายังจัดกิจกรรมอาสาสมัครคัดแยกรองเท้าในวันเสาร์ที่สี่ของเดือนเลขคี่
เปิดโอกาสให้ผู้คนทุกวัยมารวมตัวกันเพื่อช่วยทำงานง่ายๆ เช่น
คัดรองเท้าตามขนาดและบรรจุลงในกล่องกระดาษ

 

 

 

ประวัติโดยย่อ

เอ็นพีโอ เอสบี.ฮาร์ทสเตชั่น

SB.HeartStation เป็นองค์กรไม่หาแสวงผลกำไรที่ได้รับการรับรอง เป็น NPO ที่จัดส่งรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องเขียน ฯลฯ ที่เด็กชาวญี่ปุ่นไม่ได้สวมใส่ให้เด็กทั่วโลกอีกต่อไป ผู้ก่อตั้ง โยชิโกะ โอกาวะ เริ่มกิจกรรมของตัวเองในปี 2552 ได้รับการรับรองเป็นบริษัทที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ระบุในเดือนธันวาคม 2554 ได้รับการรับรองเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ได้รับการรับรองในเดือนตุลาคม 2559

PAGE
TOP